ธรรมไม่ใช่เรื่องของเรา ไม่ใช่เรื่องของเขา คนส่วนมากชอบทะเยอทะยานเกินความสามารถตนเอง เหมือนถูกสนตะพายให้หลงไปกับความพอใจยินดีในสิ่งที่ไม่ใช่เรื่องราวตนเอง ความแยบคายในธรรมชาติตนเองจึงมองเห็นได้ยาก สมมุติที่ว่า ธรรมไม่ใช่เรื่องของเรา ไม่ใช่เรื่องของเขา ใครได้ฟังก็อาจจะมีคำถามในใจคิดต่อไปอีก เพราะภาษาแบบนี้ไม่เคยได้ยินจนคุ้นหูเลย ลองรับฟัง และทำความเข้าใจหันกลับมามองตนเองเสียใหม่ วางความทะเยอทะยานลงก่อนในสิ่งที่คาดหวังกับผลสำเร้จ เพราะความแยบคายในธรรมชาติเธอนั้นเข้าถึงได้ง่าย หากว่าพวกเธอวางสิ่งที่คาดเดาเอาเองลงได้ เพราะการคาดเดาจะทำให้เกิดมีเรา เป็นเรา เป็นเธอ เป็นคุณ เป็นท่าน เกิดเป็นตัวกูของกูขึ้น แล้วก็มีตัวมึงขึ้นมา เห็นได้ทันหรือยัง
...โชคดี...%
เหตุที่มี เหตุที่ดับลง เรื่องราวต่อไปนี้เป็นเพียงสมมุติที่ปรุงแต่งในภาษา เป็นการชี้ และสะกิดเพื่อให้พวกเธอลองใช้ความรู้สึกของใครของมันทำความเข้าใจในแบบตนเอง เหตุที่มีนั้นคือปัจจุบันความรู้สึกขณะหนึ่งของตนเอง เป็นสิ่งที่มีอยู่รู้สึกได้ของทุกๆชีวิต เกิดขึ้นเป็นคู่คือ เกิดและดับอยู่อย่างนั้นผันแปรอยู่ตลอด ไม่เคยหมดลงหรือหายไปไหน เธอจึงแตะต้องกับเหตุตนเองไม่ได้ การดับเหตุจึงไม่ใช่การกระทำอย่างที่เธอเคยได้เล่าเรียนท่องจำมา คำว่าดับต้นเหตุเป็นเพียงกุศโลบายที่ต้องใช้ความแยบคายในความรู้สึก เห็นได้ถึงกฎของธรรมชาติที่ผันแปร ไม่เข้าไปยึดมั่นถือมั่นกับเหตุที่มี เพียงได้ดูและรู้ในความจริงที่ต้องเผชิญ ไม่เป็นเจ้าของ ไม่แตะต้องกับเหตุที่มี ต้นเหตุที่มีจึงดับลงเอง มีแค่นี้
...โชคดี...%
หมุดที่ปักไว้ในแก่น หมุดที่ปักไว้ในแก่นเป็นการสมมุติให้มีภาษาขึ้นมา เพราะสิ่งๆนี้นั้นเป็นนามธรรมที่ไม่มีภาษา ไม่สามารถจะอธิบายได้ เรื่องต่อไปนี้ จึงเป็นเรื่องที่ทุกท่านจะต้องให้ความสำคัญ เพราะต้องใช้ความรู้สึกล้วนๆของตนเองตามมาดู สิ่งที่จะชี้ให้ดูนั้น ที่พวกเธอจะต้องมีความเพียร และความอดทนเป็นอย่างมาก เพื่อเท่าทันกับรู้ถึงปัจจุบันที่กำลังจะผ่านไปของตนเอง เมื่อไม่ทันถึงสิ่งที่รู้ของปัจจุบัน ความรู้สึกของเธอนั้นจะเปลี่ยนไปทันที เกิดเป็นความคิดขึ้นมาแทนที่ "ความคิดจึงเกิดเป็นผล ที่เธอกำลังหลงไปกับสิ่งที่ผ่านมา และสิ่งที่ยังมาไม่ถึง" เข้าไปยึดมั่นผูกรัดโดยไม่รู้ตัว ซึ่งเรื่องตรงนี้ที่เร็วมาก หมุดที่ปักไว้ในแก่นเธอ ได้เคลื่อนออกจากแก่นไปแล้ว เพราะรู้เธอจึงคิดได้นั่นเอง
...โชคดี...%
ความคิดไม่ใช่ต้นเหตุ ต้นเหตุคือเธอไม่รู้ ท่านผู้เจริญ ท่านผู้ได้รับฟังเรื่องราวตรงนี้ อย่าใช้ทิฏฐิตนเองในการตัดสินผู้บรรยายเลย ว่ามันผิดหรือถูก เพราะภาษาที่นำมาใช้จนท่านเข้าใจได้อยู่ในขณะนี้ คือสมมุติภาษาเท่านั้น สิ่งที่มุ่งเน้นสูงสุดก็คือเรื่องภายในกาย มีอารมณ์ มีความรู้สึกเป็นตัวประกอบที่เป็นต้นเหตุ เพราะสิ่งนี้ไม่มีภาษา ไม่มีรูปที่จะใช้อธิบาย เป็นนามธรรมที่แตะต้องไม่ได้ ท่านจึงต้องใช้ความคิดเดินตามมาดู ความคิดจึงไม่ใช่ต้นเหตุ แต่เป็นผลจากการปรุงแต่งให้มีให้รู้ขึ้นมาแทนความรู้สึกที่ซับซ้อน จนเกิดเรื่องราวมากมายที่ท่านคิดได้ มองไม่เห็น สาวไปไม่ถึงต้นเหตุตนเองซึ่งเป็นนามธรรม และเป็นธรรมชาติเดิมแท้ที่เป็นจุดเริ่มต้น คือตอนแรกเกิดก็ไม่มีไม่รู้อะไร แต่สิ่งที่มีสิ่งรู้ในตอนนี้ จึงเป็นผลของความคิดนั่นเอง
...โชคดี...%
ศาสดาในตำรา คือศาสดาของความเชื่อ ท่านผู้เจริญ ศาสดาผู้ล่วงลับไปนานแล้วกว่าสองพันห้าร้อยกว่าปี ความรู้ทุกอย่างที่ท่านบอกกับตนเอง ว่ารู้ถึงเขาอยู่ในตอนนี้ ท่านได้รู้อะไรบ้างที่เกี่ยวกับเขาได้จริงๆ ณ ปัจจุบันนี้ท่านบอกกับตนเองว่ารู้ รู้ถึงหลักการ รู้ในคำสอน รู้ในตำรา รู้ถึงเรื่องราวที่บอกเล่าถึงเขา ท่านได้เคยพิสูจน์อะไรได้เองจริงๆหรือเปล่า เคยคิดเอะใจบ้างหรือยังว่าตนเองโดนใครเขาหลอกมา ศาสดาความเชื่อในตำรา คือกรอบที่ท่านคิดได้ปรุงแต่งได้ ท่านกล้าพอที่จะคิดนอกกรอบเพื่อพิสูจน์ด้วยตนเองหรือยัง เพราะศาสดาในตำราก็บอกไว้ว่า "อย่าเชื่อกับอะไร" เขาเองเป็นเพียงผู้บอกทางที่ทุกคนจะต้องค้นหา "ทางตนเอง" ตนจึงเป็นที่พึ่งของตน คำเตือนก็มีเตือนเอาไว้ วิธีการจึงไม่สำคัญ สิ่งสำคัญสูงสุดคือผลลัพธ์ความสำเร็จที่ตรงกัน ได้พ้นทุกข์ หมดทุกข์ด้วยตนเอง ฉะนั้นพวกเธอพร้อมจะตื่นจากความเชื่อได้เองหรือยัง หรือจะหลงใหลผูกรัดตนเองกับศาสดาในตำราที่ยังเชื่ออยู่แบบเดิมๆอีก
...โชคดี...%
ตรัสรู้ (สมมุติ) ท่านผู้เจริญทั้งหลาย ท่านเข้าใจได้แล้วว่าตรัสรู้ คืออะไร จึงไม่จำเป็นที่ผู้บรรยายต้องอธิบายตรัสรู้ให้มีความหมายเพิ่มขึ้นอีก เพียงขอเสริมเพิ่มเติมในมุมมองที่มนุษย์ธรรมดาเห็นไม่ทันกับภาษา ภาษาที่ว่าตรัสรู้นั้น ก็ยังคือรูป รูปจึงกินเนื้อที่ครอบคลุมทั้งหมด และรูปได้แตกออกมาเป็นสองส่วน คือรูปธรรม และรูปนามธรรม ทั้งสองสิ่งจึงเป็นสิ่งมี ที่สมมุติให้มีขึ้นมาเพื่อใช้แทนความรู้สึก ตรัสรู้ (สมมุติ) คือรูปที่เป็นนามธรรม ความเข้าใจได้ว่าตรัสรู้ตืออะไร จึงเกิดมีเรื่องราว เกิดเป็นรูปธรรมของภาษาที่ปรุงแต่งกันด้วยความพอใจ ความพอใจคือกิเลสที่ละเอียดซ้อนอยู่ในอารมณ์ ตัวอารมณ์คือวิญญาณที่สร้างรูป จึงเกิดมี รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ นำไปสู่การตรัสรู้ (สมมุติ) ที่ไม่จบลง
...โชคดี...%
กาย เวทนา จิต ธรรม ท่องได้ ช่วยตนเองได้หรือยัง ท่านผู้เจริญทั้งหลาย ท่านเข้าใจคำว่า สติปัฏฐานสี่ได้แท้จริงแล้วหรือ ว่าคือเรื่องราวอะไร พวกท่านได้รับฟังแล้วหรือยังครับ เรื่อง "ตรัสรู้"(สมมุติ) ที่ข้าพเจ้าได้พูดเอาไว้ ทุกๆคนควรย้อนกลับไปฟัง และทำความพื้นฐานของตนเองให้มากๆนะครับ และควรรับฟังเรื่อง รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ตอนหนึ่ง และสองให้มากๆด้วยเช่นกัน เพราะสติปัฏฐานสี่คือผลที่ปรุงแต่งสืบเนื่องต่อมาจากรูปที่เป็นจุดเริ่มต้น โดยมีรูปกาย รูปเวทนา รูปจิต รูปธรรม ที่ยังเป็นเป็นรูปที่รู้อยู่ เกิดสิ่งรับรู้ที่กระทบเชื่อมโยงต่อกันอยู่ภายในกาย กายคือสังขารที่อาศัยของตนเอง อย่าหลงติดกับอารมณ์ที่สร้างรูปนึกคิดเอาเองอยู่อีกเลย
...โชคดี...%
ธรรมที่รู้ถึงธรรมชาติคือพุทธะ พุทธะคือความรู้สึกที่เห็นแจ้งแตกฉานของภายในกาย จึงตื่นขึ้นจากการยึดมั่นของอารมณ์ที่สร้างรูป เหมือนธรรมชาติความจริงที่รู้อยู่ภายในธรรมชาติตนเอง ได้รู้ถึงทางตนเองจึงได้เบิกบาน ความรู้สึกที่ไม่เข้าไปเกาะเกี่ยวใดๆกับรู้ในอารมณ์ เกิดความแตกฉาน ที่เห็นถึงอารมณ์ที่สร้างรูปให้รู้ ทำให้เกิดมีเรื่องราวภายในธรรมชาติอยู่นั้น ไม่มีหมดลง ดวงตาจึงได้เห็นธรรมคือสิ่งที่ผันแปรตามเวลาที่เดินหน้า สัจธรรมที่รู้ถึงอารมณ์ของธรรมชาติแท้จริง จึงได้เป็นผู้รู้หมดรู้ ผู้ตื่นอยู่กับความจริง ผู้เบิกบานอยู่เช่นนี้เอง
...โชคดี...%
วิญญาณคือสิ่งรู้ที่แตะต้องไม่ได้ ใช้จิตดูได้เท่านั้น ท่านผู้เจริญ อย่าเชื่อกับภาษาที่ท่านคิดได้อยู่ตรงนี้นะครับ การชี้ และบรรยายเรื่องวิญญาณ และจิต คือสิ่งที่พวกท่านเข้าใจได้อยู้ ข้าพเจ้าจึงต้องอาศัยความเชื่อที่พวกท่านคิดได้มาขยายให้เห็นในสิ่งที่ความคิดของท่านเข้าไปไม่ถึง และยังเห็นเองไม่ได้ เรื่องสิ่งรู้ที่แตะต้องไม่ได้ ดูได้เท่านั้น ท่านต้องเปิดใจที่จะรับฟัง และวางความเชื่อที่เก็บสะสมมานานเอาไว้ก่อน เพราะความเชื่อ ไม่ทำให้ใครพ้นทุกข์ได้แท้จริง ความเชื่อนั้นคือผลที่มีแบบโลก ต้นเหตุการหลุดพ้นคือต้องค้นหาความจริงตนเองให้เจอ เรื่องพ้นทุกข์ตนเองจึงหมดลง
...โชคดี...%
พระพุทธเจ้าช่วยใครไม่ได้ เพราะเธอก็คือพุทธะ (ตอนที่1 ปฐมบทเรื่องรูป) กราบสวัสดีท่านผู้เจริญผู้มีสัมมาทิฏฐิทั้งหลาย ลองรับฟัง นิทานปรุงแต่งเรื่อง พระพุทธเจ้าช่วยใครไม่ได้ ที่ผู้บรรยายจะชี้ และสะกิดให้พวกท่านได้เห็นในอีกมุมมองที่ท่านทั้งหลายอาจจะเห็นเองได้ไม่ทันว่า พระพุทธเจ้าเป็นเพียงผู้บอกทางเท่านั้น ธรรม คือสิ่งที่พวกท่านทุกคนจะต้องค้นหาด้วยตนเอง ศาสดาได้แสดงปฐมบทแก่บุรุษทั้งห้า เรื่อง "รูป" รูปจึงเป็นต้นเหตุทั้งหมดที่นำไปสู่ผล ผลที่เกิดจากรูปเป็นต้นเหตุตัวใหม่ หมุนออกมาเป็นรูปอยู่ตลอดเวลา จึงเกิดเป็นวงเวียนชีวิตที่นำสัตว์ทั้งหลายไปสู่ความเสื่อม
...โชคดี...%
พระพุทธเจ้าช่วยใครไม่ได้ เพราะเธอก็คือพุทธะ (ตอนที่2 ผลของรูปที่แตกออก) กราบสวัสดีท่านผู้เจริญผู้มีสัมมาทิฏฐิทั้งหลาย ลองรับฟังตอนที่สอง กับนิทานปรุงแต่งเรื่อง ผลของรูปที่แตกออก เกิดมีเวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ปรากฏขึ้น สร้างรูปตัวใหม่ที่รู้กระทบ เกิดเป็นรูปที่คิดขึ้นเองได้เร็วในขณะจิตเดียว โดยอาศัยสมองที่มีอยู่ภายในเป็นตัวสั่งกาย ผลของรูปจึงแตกกระจายออก มีเรื่องราวปรากฏรูปภายในขึ้นใหม่ ตัวบัญชาการสูงสุดนั้นไม่มีใครที่จะเห็นได้ทัน สิ่งนั้นคือตัวอารมณ์ที่สร้างรูป หรือเรารู้จักในชื่อว่า วิญญาณ นั่นเอง ตัวนี้จึงเป็นธรรมชาติที่เขาจะทดสอบทุกคน ว่าจะหมดทุกข์พ้นทุกข์ได้จริงๆหรือยัง
...โชคดี...%
พระพุทธเจ้าช่วยใครไม่ได้ เพราะเธอก็คือพุทธะ (ตอนที่3 เกิดมีธรรมขึ้น) กราบสวัสดีท่านผู้เจริญผู้มีสัมมาทิฏฐิ ผู้มีปัญญาทั้งหลาย จากปฐมบทคือรูป นำมาสู่ผลของรูป ที่แตกออก เกิดมีธรรมขึ้น ธรรมจึงไม่ใช่เรื่องราวที่ท่องจำเอาไว้ ธรรมคือธรรมชาติที่รับรู้เรื่องภายในของสังขาร สังขารเป็นที่อาศัย มีอารมณ์คือตัววิญญาณ ที่เป็นผลแตกออกจากต้นเหตุคือรูป ผลของรูปที่แตกออกเกิดมีเวทนา สัญญา สังขาร เหตุที่มีเริ่มจากตรงจุดนี้ เหตุที่ดับลงคืออะไร ท่านได้เห็นเองหรือยัง เหตุที่ดับลงได้นั้นคือสิ่งที่มีที่รู้ขึ้นเองว่า "รูปไม่ใช่เรา" เหตุที่มี เหตุจึงดับลงเอง ดับจากภายในสังขารที่อาศัยของใครของมัน นี่คือธรรมที่เกิดมีขึ้น ทุกคนต้องย้อนทวนดูเรื่องราวภายในตนเอง ก็แค่นี้
...โชคดี...%
พระพุทธเจ้าช่วยใครไม่ได้ เพราะเธอก็คือพุทธะ (ตอนที่4 เหตุที่มีดับลง) คำกล่าวที่ว่า ธรรมใดเกิดเป็นเหตุ เมื่อธรรมเป็นเหตุ เราจะดับเหตุของธรรมลงได้อย่างไร ธรรมคำนี้คืออะไร ท่านผู้เจริญ ท่านผู้มีปัญญา และมีสัมมาทิฏฐิทั้งหลาย จากจุดเริ่ม ปฐมบทเรื่องรูป ต่อมาผลของรูปที่แตกออกจนเกิดมีธรรมขึ้น ธรรมเป็นเหตุ จึงต้องดับเหตุธรรมลง ควรรับฟังอย่างตั้งใจ และฟังให้จบ ท่านอาจจะได้ประโยชน์กับการค้นหาตนเอง อย่าหลงเชื่อกับการใช้ภาษาตรงนี้ เหตุที่มีจะดับลงได้นั้น ก็ต่อเมื่อท่านได้เข้าใจเรื่องราวภายในตนเองเป็นสำคัญ
...โชคดี...%
จิตไม่ได้เกิด จึงไม่ดับ อย่างที่ใครเข้าใจอย่าเข้าใจว่าจิตเกิดจิตดับ รู้ที่เกิดให้รู้ขึ้นนั้นไม่ใช่ตัวจิต สิ่งที่ทำให้รับรู้อยู่ภายในนั้นคือรูป รูปที่เป็นผลของวิญญาณที่สร้างขึ้นให้รู้ วิญญาณที่สร้างรูปได้เร็วจนเธอเข้าใจไปว่าคือจิต จิตคือความรู้สึกที่รับรู้อยู่ลอยๆภายในที่เห็นถึงตัววิญญาณคือตัวอารมณ์ที่สร้างรูปจากสิ่งรู้กระทบของเวทนา สัญญา และสังขารภายในเท่านั้น อย่าหลงไปดูจิต สิ่งที่ต้องดูคือต้นเหตุ และผลที่เกิดภายในคือรูปที่อารมณ์สร้างขึ้น เหตุงที่รู้ถึงจะดับลงได้เอง
...โชคดี...%
สิ่งรู้ที่รู้ไม่ใช่จิต จิตมันไม่รู้ไม่มี ท่านผู้เจริญ พ่อแม่พี่น้องทั้งหลาย ท่านได้เข้าใจอะไรเรื่องภายในกายของท่านเอง การแสวงหาธรรมเพื่อการหลุดพ้น ท่านได้เพียรทำมาทั้งชีวิตแล้ว มีอะไรที่ท่านได้หลุดพ้นได้แท้จริงบ้าง เช่นคำว่า จิต ท่านรู้หรือไม่ว่าภาษาตรงนี้เขาเอามาจากไหน จิตมันคืออะไร หากว่ารู้ตามเขาเข้าไปแล้วก็เสร็จเขา ผลที่แตกออกเกิดมีรูป รูปคือจิต จิตเกิดก็มี ธรรม ตามมา ธรรมที่เกิดขึ้นใหม่มี สติ สติจึงนำมาใช้ฝึกจิตให้ตั้งมั่น เชื่อว่าจะได้แยกธาติ แยกขันธ์สำเร็จ สิ่งที่ไม่มีกลายเป็นสิ่งมีสิ่งรู้ขึ้น แต่สิ่งรู้ที่รู้ไม่ใช่จิต จิตมันไม่รู้ไม่มี ท่านเห็นทันไหมว่า ต้นเหตุจะดับลงได้คือรูป รูปที่อารมณ์สร้างขึ้นว่าจิต อารมณ์คือเหตุและผลที่สร้างรูปได้เร็ว
...โชคดี...%
ใครอยากจะได้ตัวรู้ต้องฟัง ท่านผู้เจริญ พ่อแม่พี่น้องทั้งหลาย ฤทธิ์ของรู้ ที่ใครอยากจะได้ตัวรู้ต้องฟัง และทำความเข้าใจให้ถ่องแท้ด้วยตนเอง ภาษาที่ว่า ธรรมทั้งหลายทั้งปวงไม่ควรยึดมั่นถือมั่น สิ่งนี้คือตัวรู้ที่แสดงฤทธิ์อยู่ภายใน เมื่อยังเข้าไปหลงกับฤทธิ์ที่รู้ กิเลสภายในจึงกำเริบทันที อยากรู้ต่อ เกิดเป็นรูปของอารมณ์ภายในที่สร้างรูปให้รู้ขึ้น รู้จึงไม่จบ แต่ไม่รู้นั้น เป็นสิ่งที่ยังเห็นเองไม่ได้ ลอกใครไม่ได้ เพราะไม่รู้จึงไม่มี ฤทธิ์ที่รู้ก็หมดลงเอง ความรู้สึกภายในจึงกลับสู่สภาพความเป็นเดิมแท้ เห็นธรรมชาติที่รู้ได้ถ่องแท้ ได้เพียงพึ่งพาอาศัยร่วมกับตัวรู้ ที่เคยยึดมั่นถือมั่นเอาไว้
...โชคดี...%
การหลุดพ้นเป็นเรื่องง่าย พ่อแม่พี่น้อง และญาติธรรมทั้งหลาย เวลาที่เดินหน้าจะบอกความจริงเสมอ ที่ทุกๆชีวิตจะต้องหมุนวน เกิด แก่ เจ็บ ตาย ไม่มีใครรู้หรอกว่า เราเกิดมาทำไม ตายแล้วจะไปไหน หลายคนคงสงสัย เป็นคำถามที่มีไม่กี่คนหรอกที่จะรู้ตำตอบ จะพ้นทุกข์หมดทุกข์ได้อย่างไร ชีวิตมันจึงไม่ง่าย ทุกคนจะต้องค้นหาความจริง การหลุดพ้นเป็นเรื่องง่าย ทุกคนจะต้องพึ่งพาตนเอง ค้นหาความสำเร็จที่มีอยู่แล้วของตนให้เจอ ก็จบ หากยังปล่อยชีวิตที่เหลือน้อยอยู่นี้ได้แต่รอ รอเพื่อให้ใครเขามาช่วย ไม่คิดจะช่วยเหลือตนเอง ชีวิตก็คงต้องเวียนว่ายตายเกิดต่อไป
...โชคดี...%
เห็นธรรมแท้จริงได้หรือยัง โลกเป็นที่อาศัยของธรรม ธรรม ต้องพึ่งพาอาศัยธรรมชาติ ธรรมชาติ เป็นที่อยู่อาศัยของทุกๆชีวิต ชีวิต ทุกๆชีวิตจึงอาศัยโลกเป็นที่กำเนิดสังขารรูปทรง หมุนวนเปลี่ยนแปลงเกิดเป็นวงเวียนชีวิตไม่มีที่สิ้นสุด เกิดและดับอยู่เช่นนี้ พ่อแม่พี่น้องทั้งหลาย ชีวิตที่ต้องหมุนวนเกิดแก่เจ็บตายที่ยังหลุดพ้นไม่ได้ เพราะยังเห็นธรรมแท้จริงไม่ได้ว่า ธรรมทั้งหลายทั้งปวงไม่ควรยึดมั่นถือมั่นคืออะไร ความรู้สึก หรือจิตคือธรรม แก่นแท้ที่ไม่มีไม่รู้ สิ่งที่รู้คือมายาที่อารมณ์ หรือวิญญาณสร้างรู้ปมีเรื่องราวให้รู้ ทำให้เดินข้ามเดินผ่านแก่นธรรมตนเองมาโดยตลอด
...โชคดี...%
จุดเริ่มคือรูป จุดจบได้เห็นรูปไม่ใช่เรา ท่านผู้เจริญพ่อแม่พี่น้องทุกท่าน การได้เข้าใจแนวทางเพื่อการหลุดพ้นนั้นเป็นเรื่องง่าย ไม่ได้ยุ่งยากอะไรเลย เพราะสิ่งที่จะทำให้ท่านหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดได้นั้น เพียงอาศัยสังขารตนเองเป็นที่ตั้ง ดูอารมณ์ และความรู้สึกที่เกิดอยู่ภายใน มีแค่นี้ ไม่มีต้นทุนใดๆที่จะต้องจ่ายให้ใครเลย ท่านต้องตามมาดู จุดเรื่มคืออารมณ์ที่สร้างรูปให้รับรู้เกิดอยู่ภายใน ส่วนจุดจบก็เป็นเรื่องง่าย เพียงใช้ความรู้สึกภายในดูอารมณ์ที่สร้างรูปเท่านั้น ดูให้ทัน เห็นให้ทั่วได้เองเมื่อไหร่ ว่ารูปไม่ใช่เรา การหลุดพ้นหมดทุกข์ก็เกิดขึ้นเอง ทุกท่านจึงต้องอดทนรอ
...โชคดี...%
ธรรมทั้งหลายไม่ควรยึดมั่นถือมั่น ท่านผู้เจริญทั้งหลายลองเดินตามมาดูเรื่องราวภายในตนเองที่มีเพียงสองสิ่งคืออารมณ์ และความรู้สึก สิ่งที่เป็นเดิมแท้ของตนเองคืออะไร การอธิบายอะไรให้มีขึ้นมานั้นต้องอาศัยความรู้ แต่สิ่งที่ไม่รู้นั้นไม่มีคำอธิบาย เช่น ผื่นฟ้าไม่อธิบายท้องฟ้า ท้องฟ้าไม่อธิบายชั้นบรรยากาศ ชั้นบรรยากาศไม่อธิบายความว่าง ความว่างไม่อธิบายถึงสภาพธรรม สภาพธรรมไม่อธิบายถึงผู้อาศัย การยึดมั่นถือมั่นของผู้อาศัยที่อธิบายเรื่องราวทุกอย่างขึ้นมา คำว่า ธรรม จึงเกิดมีเรื่องราว เกิดการยึดมั่นขึ้นแล้วท่านผู้เจริญ
...โชคดี...%