วีดิโอธรรม3

Ep254. รู้จึงมีเกิดดับ ไม่รู้เกิดดับไม่มี (2dec'65)

รู้จึงมีเกิดดับ ไม่รู้เกิดดับไม่มี  เธอเห็นเองหรือยังกับการเกิดดับของความรู้สึก เคยถามตนเองบ้างไหมว่า เกิดและดับทำไมไม่หมดเสียที เธอคงสงสัยกับความรู้สึกของเธออยู่ตลอดเวลา ลองฟังสมมุติปรุงแต่งที่ชี้และสะกิดให้ดู เรื่อง รู้จึงมีเกิดดับ รู้ของเธอมีเกิดให้รู้อยู่ตลอดเวลา เกิดความผันแปรของรู้ เหมือนรู้นั้นมีเกิดดับ แต่ก็ยังเป็นรู้ที่มีเธอรู้อยู่ จึงปรุงแต่งรู้ได้ตลอดเวลาไม่สิ้นสุดลง การเกิดดับของรู้ จึงมีอยู่ตลอดไปไม่หมดลงเอง สิ่งที่รู้อยู่ตรงนี้นั้นยังไม่ใช่เธอ แต่สิ่งที่เป็นเธออยู่แล้วนั้นคือ ไม่รู้เกิดดับไม่มี เหมือนรู้ที่ไม่รู้อะไร จึงไม่ต้องอธิบายรู้ รู้ที่ไม่รู้อะไรในรู้ รู้ทั้งหลายจึงหมดลง เมื่อไม่รู้ เกิดดับ จึงไม่มี พบอิสระเกิดดับในรู้ของตนเอง


...โชคดี...%

Ep255. ดวงตาได้เห็นธรรม (7dec'65)

ดวงตาได้เห็นธรรม  พวกเธอได้ฟังคำร่ำลือมาก็มาก  ฟังผู้รู้มาก็เยอะ  ตกลงแล้ว  เธอได้เข้าใจแท้จริงหรือยังว่า  ธรรมคืออะไร  หรือว่าได้ยินแล้วก็คล้อยตามปากผู้รู้ไป  สรรเสริญในสารรูปเครื่องแบบ  ว่าน่าเคารพเลื่อมใส  ตกลงชีวิตเธอจมปลักแค่ลมปากผู้รู้  ติดกับสารรูปที่เขาปรุงแต่ง  ถามจริงๆ  เธอรู้หรือยังว่า "ธรรม"  คืออะไร  

ก็เมื่อตาของเธอยังมืดบอด  จมปลักอยู่กับความเชื่อที่เขาปรุงแต่งเอาไว้  ชาตินี้  เธอจะได้พบธรรมแท้จริงของตนเองได้อย่างไร  ใครจะเชื่อกันบ้าง  หากว่าเราจะบอกว่า  ธรรมแท้ก็คือเธอ  ดวงตาที่จะเห็นธรรมได้แท้จริง  ก็คือเธอที่ได้เห็นเรื่องราวตนเอง  จนได้พบอิสระได้ด้วยตนเองนั่นแหละ  คือ  ธรรมของเธอ


...โชคดี...%

Ep256. จุดกำเนิดธรรมเธอ (9dec'65)

จุดกำเนิดธรรมเธอ  เพราะไม่รู้  ไม่รู้จริงๆ  ว่าธรรมคืออะไร  จึงเกิดจุดกำเนิดธรรมของเธอขึ้น  ความไม่รู้นั้น  เธออธิบายไม่ได้  จุดเริ่มจึงเหมือนไม่มีอะไรให้รู้ได้เลย  แม้แต่สิ่งที่เป็นเธอคือตัวตนของเธอ  เธอเองก็ไม่รู้  สิ่งที่ไม่รู้  จึงไม่มีคำอธิบายกับใครได้  เธอรู้ได้เฉพาะตนเองเท่านั้น  จุดกำเนิดของเธอจึงมีชีวิตเธอเกิดมาคู่กัน  ไม่มีภาษาใดที่อธิบายได้กับสองสิ่งนี้  การชี้และสะกิดนั้นจึงต้องอาศัยภาษาที่คนเข้าใจได้  เพื่อสื่อสารถึงสิ่งนั้นที่ไม่มีอยู่  ฉะนั้นอย่าเชื่อตามภาษาที่ได้ยิน  จงใช้สิ่งที่เป็นเธอคือธรรมที่ไม่มีภาษา  ที่เธอรู้ได้เฉพาะตนเท่านั้นใช้สิ่งนั้นเดินตามมาดู  จุดกำเนิดธรรมของเธอ  เธอจะได้พบจุดจบที่วนย้อนกลับมาตรงจุดกำเนิดธรรมเธอเอง  ได้เป็นอิสระหลุดพ้นหมดสงสัยด้วยตนเอง


...โชคดี...%

Ep259. ปรุงแต่งฉิบหาย (14dec'65)

ปรุงแต่งฉิบหาย   สมมุติปรุงแต่งซ้อนการปรุงแต่งที่เห็นได้ยาก  ภาษาที่เธอรู้อยู่ก็คือสมมุติ  ลองมาดูภาษาของเธอ  ณ เวลานี้จิตวิญญาณความรู้สึกยังไม่ต้องการมีตัวตน  ฉายาให้ต้องจดจำเพิ่มอีก  อืม...ก็ดีแล้ว  อิดอกทอง ปรุงเก่ง คิดเก่ง เอาตัวรอดเก่งจริงๆ กับภาษาที่สมมุติปรุงแต่งเอง  ลองมาดูสมมุติแบบนี้ล่ะ เธอจะรับได้ไหมกับคำว่า  จิตวิญญาณ เปลี่ยนภาษาใหม่ที่สมมุติขึ้นใหม่ว่า  อิดอกทอง  และความรู้สึก  เปลี่ยนภาษาใหม่ที่สมมุติว่า  ช้างเร็ด  รู้สึกยังไม่ต้องการมีตัวตนฉายาให้ต้องจดจำเพิ่มแล้วสินะ  ความเชื่อที่ปรุงแต่งฉิบหาย เพราะเธอรู้กับภาษา  ภาษาที่ใช้แทนความรู้สึก ต่อไปนี้ก็ใช้เรียกเธอว่า  อิดอกทองช้างเร็ด  เธอจงใช้สิ่งนี้เดินตามมาดูธรรมตนเอง เรื่องราวที่ชี้ให้ดูนั้นมันซับซ้อนเพียงไร  เมื่อเชื่ออะไรไว้ สิ่งๆนั้นก็ยังมีอยู่  ถ้ามีอยู่ก็ยังไม่หมดลง แล้วเธอจะพบอิสระตนเองได้อย่างไร


...โชคดี...%

Ep261. วิหารธรรมคือความสงบร่มเย็นในความรู้สึกเธอ (23dec'65)

วิหารธรรมคือความสงบร่มเย็นในความรู้สึกเธอ   ภาษาสมมุติที่ใช้ปรุงแต่งมามากมายในการชี้และสะกิด  ที่มีอิทธิพลอย่างมากต่อความรู้สึกของคนฟัง   คนบางคนรับไม่ได้กับการปรุงแต่งที่กระแทกแดกดัน   เพราะความรู้สึกที่ติดดี  คิดดี  เชื่อเอาไว้ว่าตนเองเป็นผู้ดี พูดดี  ปากดี  พยายามจะทำดี  เพื่อให้ผู้อื่นยอมรับ   ความลุ่มหลงกับการปรุงแต่งที่เห็นเองได้ยาก   วิหารธรรมแบบโลกที่เธอเชื่อเอาเองจากการเรียนรู้ท่องจำ   แต่การชี้สะกิดให้ดูนั้น  เธออาศัยการท่องจำไม่ได้   วิหารธรรมคือความสงบร่มเย็นในความรู้สึกเธอ  ที่ไม่มีอยู่ในภาษาคน  ภาษาโลก  หรือภาษาธรรม  ที่ใครจะท่องจำเอาไว้  สิ่งนี้เป็นสิ่งที่มีอยู่ในธรรมชาติของเธอ  ที่ไม่มีภาษา  แต่เป็นเธอเองอยู่แล้ว  จึงต้องใช้ภาษามากระแทกแดกดันให้ตื่นจากความเชื่อ  ที่เธอมัวเมาลุ่มหลงเอาเองมาตลอด   

ลองมาดูว่าวิหารธรรมในความรู้สึกเธอคืออะไร  ความสงบร่มเย็นที่เกิดขึ้นเองของเธอจะทำได้อย่างไร  จนได้พบอิสระแท้จริง


...โชคดี...%

Ep262. ธรรมที่เธอปรุงแต่งได้นั้น   ไม่ใช่เธอ (25dec'65)

ธรรมที่เธอปรุงแต่งได้นั้น   ไม่ใช่เธอ     เรื่องราวธรรมทั้งหลาย  ที่เธอเข้าใจเอาไว้มาตลอด   ธรรมที่เข้าใจมานั้นคือธรรมแบบโลก  ที่ได้เรียนรู้เอาไว้   มีผู้ที่ปรุงแต่ง  เขาได้ปรุงแต่งเป็นภาษาธรรมเอาไว้ให้เธอ   เธอจึงจำได้  เชื่อตามภาษา  ตามที่เขาปรุงแต่งเอาไว้   ธรรม  ที่ศาสดาได้กล่าวเอาไว้ลอยๆก่อนจะจากไป   ไม่มีความหมายตามภาษาคนว่า  ธรรม  หรือ  ธัม  หรือ  ทำ    จะเขียนแบบไหนอย่างไรก็ไม่สำคัญ  สิ่งที่สำคัญก็คือ   ธรรมจะเป็นตัวแทนศาสดาสืบไป  ที่ทุกคนจะต้องค้นหาเอง   ธรรมที่เธอได้รู้  ปรุงแต่งได้อยู่  สิ่งนี้ยังไม่ใช่ธรรมเธอ   เพราะไม่รู้  ไม่มีใครรู้แทนใครได้ว่า  ธรรม  คำนี้คืออะไร   ทุกชีวิตจึงต้องค้นหาให้เกิดรู้เฉพาะตนเท่านั้น   เมื่อรู้เฉพาะตนได้  ก็จะไม่อธิบายเป็นภาษาธรรมให้ใครเชื่ออีก   ว่าธรรมคืออะไร  ชีวิตจึงต้องค้นหาสิ่งนี้ด้วยตนเองทุกคน   ที่เธอจะได้รู้เฉพาะตนในธรรมตนเอง  จนได้พบอิสระแท้จริง


...โชคดี...%

Ep263. โปรดสัมภเวสีแล้วเหนื่อย (27dec'65)

โปรดสัมภเวสีแล้วเหนื่อย   ความกระหาย  ความหิวโซของความทะยานอยาก   ที่อยากจะได้อะไรฟรีๆ  ที่ไม่ต้องควัก  ไม่ต้องจ่าย   ดิ้นรนอยากจะได้เข้ามาในห้องนี้  เพื่อดื่มกินจนอิ่มหนำใจ   อิ่มแล้วก็ลืมคำมั่นสัญญาที่มีให้ไว้ต่อกัน  ในสัจจะ และศรัทธา   สัมภเวสีอย่างพวกเธออาจจะไม่ได้ตระหนักถึงผู้ให้   ที่เขาได้เสียสละ  เสียเวลาในการให้  เพียงหวังผลตอบแทน   เพื่อให้สัมภเวสีอย่างพวกเธอได้กลับบ้านตนเอง   แต่สันดานสัมภเวสีอย่างพวกเธอ กินอิ่มได้สมอยาก  พอใจหนำใจแล้วก็ลืมคำมั่นสัญญาที่มีให้กัน  เริ่มอวดรู้  อวดดี  ลำพอง  อวดกร่าง  ในกำลังที่ได้ดื่มได้กินของฟรีๆ   คิดว่ามีกำลังมากพอแล้ว   ก็อยากจะหนี  อยากจะบิน  อยากจะเป็นอิสระ  เบื่อหน่ายกับการปรุงแต่งที่ต้องอดทนอดกลั้นตนเอง  กักขังตนเองเอาไว้ในห้องนี้   

ก็ขอยินดีกับพวกเธอที่อิ่มกันแล้ว  มีกำลังพร้อมจะเดินออกไป   ผู้ให้ได้ทำภาระหน้าที่ของตนเองแล้ว  ผู้รับคือเธอ  ได้ทำภาระหน้าที่ตนเองสำเร็จหรือยัง  เดี๋ยวได้รู้เองว่าสัจจะ และศรัทธา  จะมีผลอย่างไรต่อไปกับความประมาทตนเอง


...โชคดี...%

Ep266. เธอหลงอยู่ในโลกธรรม (23jan'66)

เธอหลงอยู่ในโลกธรรม   สมมุติที่เธอเข้าใจได้  คำว่า  โลกธรรม   พวกเธอพอจะเข้าใจไหมว่า  คำๆนี้ คือเรื่องราวอะไร   หากว่าเธอได้เข้าใจเอาไว้แล้ว  ความเข้าใจคำที่ว่า  โลกธรรม  ตรงนี้ จึงเป็นกับดักกับเธอไว้แล้ว "ความเชื่อ"  ที่เธอเห็นเองยังไม่ได้  ตรงนี้นี่แหละที่ยาก  ยากมากที่จะพาเธอหลุดออกมา  กับสิ่งที่เธอปรุงแต่งความเชื่อขึ้นเองแบบนี้   สิ่งที่ได้ยิน  ที่เชื่อเอาไว้ จึงมีมโนภาพนึกคิดตามอยู่   คำ และภาษา จึงมีขึ้นมาใช้แทนความรู้สึกตนเอง  เธอหลงอยู่ในโลกที่สมมุติกับธรรมที่มีภาษา   จนมองเห็นเองไม่ได้ว่าจุดเริ่มในธรรมตนเอง  ก็ไม่เคยมี  ไม่เคยรู้  ว่าภาษาธรรมนั้นคืออะไร  ตอนนี้เธอหลงกับภาษาธรรม   ธรรมของเธอจึงติดอยู่กับโลกธรรมตนเองที่สร้างขึ้นเอง  แล้วจะพบอิสระตนเองได้อย่างไร  ก็ไม่รู้  ไม่มี  เรื่องราวจึงหมดลง  เมื่อภาษาหมดลง  ก็พบอิสระแท้จริง  ที่อยู่ด้านหลังของภาษา


...โชคดี...%

Ep267. รู้ธรรมชาติที่รู้  รู้ในธรรมตนเอง (24่jan'66)

รู้ธรรมชาติที่รู้  รู้ในธรรมตนเอง   รู้ของเธอ ณ ขณะนี้  สิ่งรู้ที่เธอได้ยินได้เห็นอยู่เวลานี้   ทั้งสองสิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าเธอ  เธอได้ยิน และได้เห็น  เหมือนเป็นรู้ขึ้นตามธรรมชาติที่รู้  รู้ของเธอ ณ ขณะนี้เธอกำลังปรุงแต่งต่อ แต่ธรรมชาติที่รู้ถึงเขาตรงหน้านั้น เขาไม่ได้ปรุงแต่งเธอ  เป็นเพียงธรรมชาติที่เกิดมีขึ้นมาเท่านั้น  เธอเป็นผู้ได้ยินได้เห็นจึงนึกคิดปรุงแต่งตาม  เหมือนได้รู้ธรรมชาติที่รู้  ที่เธอรู้ในธรรมชาติตนเอง  เข้าใจได้จากสิ่งที่เห็น  เสียงที่ได้ยิน  ที่เธอรู้เฉพาะตน  ขณะแรกนั้นเธอรู้ธรรมชาติที่รู้ เหมือนเธอรู้สึกลอยๆกับสิ่งที่เห็น และได้ยิน  ต่อมาเกิดรู้ซ้อนความรู้สึกที่รู้ขึ้นมาพร้อมกัน  มีภาษาที่เธอปรุงแต่งได้ตามมา  มีเสียงที่เธอปรุงแต่งได้ตามมา  สิ่งที่รู้อยู่ขณะหนึ่งจึงเป็นเพียงแนวทางให้เธอย้อนคิดทบทวนกลับมาสู่จุดเริ่มตนเอง  ที่รู้ในธรรมชาติกับความจริงที่มีอยู่ตรงหน้า  ความซับซ้อนในความรู้สึกตรงนี้นั้นเร็วมาก  ที่เธอต้องอดทน และพิจารณาให้แยบคาย  ตามสภาพความจริงของตนเองให้ทัน  จนได้รู้ธรรมตนเองที่รู้ธรรมชาติที่รู้ตรงนั้น


...โชคดี...%

Ep268. หมดสงสัยในธรรม  แต่ธรรมไม่ได้หมดไปไหน (26jan'66)

หมดสงสัยในธรรม  แต่ธรรมไม่ได้หมดไปไหน   นักปฏิบัติธรรมส่วนมากมีความปรารถนาที่อยากจะหมดสงสัยในธรรม แต่ก็มีผู้ได้สมอยาก และไม่ได้สมอยากกับสิ่งนี้   ความอยากที่ยังอยากอยู่นั้น  จะไม่มีใครหมดสงสัยในธรรมลงได้จริงๆ   ผู้ที่สมอยากก็คิดนึกเอาเองว่าตนหมดสงสัยลงแล้ว   ผู้ที่ไม่ได้สมอยากก็คิดจนหดหู่  รันทด  ท้อแท้ใจที่สงสัยไม่หมดลง   เคยไตร่ตรองในความรู้สึกของตนเองให้ถ่องแท้จริงๆหรือยัง  เคยถามความรู้สึกของตนเองบ้างหรือเปล่า ว่า ภาษาที่เข้าใจอยู่กับคำๆนี้ คืออะไรหมด..คืออะไร..อะไรที่หมด 

สงสัย..คืออะไร..อะไรที่สงสัย 

ธรรม..คืออะไร..อะไรคือธรรม

หมดสงสัยในธรรม   รวมแล้วคืออะไร?

พวกเธอหมดสงสัยในธรรมกันจริงๆ  หรือหมดแบบท่องจำกันเอาไว้   การคาดคะเนนึกคิดคาดเดาขึ้นเองว่าหมดสงสัยในธรรม  มีคนหลงอยู่กันมาก   ส่วนที่น้อยนั้นคงหายาก  ที่ไม่รู้ว่าหมดสงสัยในธรรมคืออะไร   เพราะธรรมมันไม่มีภาษา  ธรรมจึงไม่ได้หมดไปไหน


...โชคดี...%

บรรลุธรรมแบบอุปาทาน  โลกที่อุปาทานเอาเองของผู้รู้ในยุคโลกาภิวัฒน์  ที่แพร่กระจายธรรมที่ยึดมั่นพอใจ  กับข้อปฏิบัติที่คิดเอาเองว่าน่าจะเป็น  น่าจะมี  น่าจะใช่  ตามอำนาจกิเลสตนเอง  เกิดลัทธิหลักคำสอน  คิดเอาเองว่าได้บรรลุธรรม  นำหลักคำสอนต่างๆที่คาดเดาออกแพร่กระจายไปยิ่งกว่าเชื้อโรค  มีให้เห็นอยู่มากมาย  สร้างความลุ่มหลงให้คนงมงาย  เหมือนว่าธรรมเป็นของขลังที่ศักดิ์สิทธิ์  ด้วยเหตุและผลที่ตนเองปรุงแต่งขึ้นใหม่  ยึดมั่นในคำพูดคำลวงที่ตนเองปรุงแต่งขึ้น  มีตนเองเป็นใหญ่  อวดตัวถือตนว่าเป็นผู้รู้  ผู้บรรลุธรรม  บรรลุธรรมแบบอุปาทาน  ที่ยึดมั่นเชื่อไว้  กับสิ่งคาดเดาที่มีอยู่ภายในของตน  ที่จำได้  เป็นเจ้าของธรรมที่นึกคิดคาดคะเนเอาเอง  ใช้ความเชื่อ  ความศรัทธาของผู้คนที่เลื่อมใสในธรรม  ในพระพุทธเจ้า  ดึงความเชื่อ  ความศรัทธาของคนมาหาแดก  เอาธรรมที่ปรุงแต่งขึ้นเองมาค้าขาย  เอาพระพุทธเจ้ามาหากิน  บรรลุธรรมแบบอุปาทานของผู้รู้ในยุคนี้มีมากจริงๆ


...โชคดี...%

บรรลุธรรมคาดเดาไม่ได้   บรรลุธรรมคืออะไร  ใครๆจึงอยากจะบรรลุกันนักหนา  ความหลงใหล  ที่ติดอยู่ในภาษาธรรมของผู้แสวงหาทางหลุดพ้นจึงไม่ได้หลุดไปไหนเลย  ภาษาที่เข้าใจในธรรมจึงเป็นสิ่งที่ยึดมั่น  ถือมั่น  ยึดติด  ผูกรัดตนเองเอาไว้  หล่อหลอมความเชื่อ  เกิดอุปาทานขึ้นในใจด้วยกำลังของกิเลส  ตัณหาความทะยานอยาก  โลกโลกาภิวัฒน์จึงมีผู้รู้ที่รู้ธรรมที่อุปาทานกันเองอยู่มาก  ความเสื่อมโทรมของความรู้สึกคนในยุคสมัยนี้จึงถูกธรรมของผู้อวดรู้ที่อุปาทานขึ้นเองครอบงำ  ทำเอาความรู้สึกที่ดีนั้นผิดเพี้ยนไป  เกิดการเอาเปรียบ  แข่งขัน  แย่งชิง  หาผลประโยชน์ของผู้อวดรู้  ที่เอาประโยชน์ใส่ตัว  เรียกได้ว่า  "เลวล้ำลึก"  แบบแนบเนียน  การบรรลุธรรม  นั้นไม่ได้มีอยู่กับภาษาคนที่ใครจะคาดเดาได้  หากใครยังเชื่อกับภาษาที่มีอยู่  ก็หลงทางเข้าไปแล้ว  ลองมาฟังการชี้และสะกิดให้พวกเธอดู  บรรลุนั้นก็คือการเดินทางในเส้นทางตนเอง  ด้วยการย้อนทวนย้อนคิดกลับด้าน  เพื่อมาดูธรรมก็คือเธอ  จากจุดเริ่มผ่านมาช่วงท่ามกลางของวัย  และจุดจบที่หมุนย้อนกลับมาตรงจุดเริ่มตนเอง  มีแค่นี้  บรรลุธรรม  คาดเดาอะไรไว้ล่วงหน้าไม่ได้  จบ


...โชคดี...%

รู้กับอุปาทาน  วางอุปาทานไม่ลง   การชี้และสะกิดของผู้บรรยายนั้นอาศัยพึ่งพาภาษาคน  ที่คนไทยเข้าใจได้  ได้เตือนพวกเธอที่ได้รับฟังว่า  "อย่าเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน"  "อย่าเชื่อกับสิ่งที่เห็น"  แต่ ณ ตอนนี้  เรื่องราวที่ชี้และสะกิดของเรา  มีผู้รู้ที่มันอวดดีว่าบรรลุธรรม  มันไม่ฟังคำเตือน  พวกเลวโดยสันดาน  เลวล้ำลึก  นำเอาภาษาของเราที่ปรุงแต่งไปสอนต่อ  "ธรรมมีสองด้าน"  "ชีวิตเหมือนเด็กแรกเกิด ที่ไม่มี ไม่รู้"  "ธรรมไม่มีภาษา"  ผู้บรรลุธรรมขี้อวดขี้โม้มันได้แต่ลอกท่องจำเอาไว้  ชอบอวด  ชอบโชว์  เอาสิ่งที่ไม่มีไปพูดให้มี  ให้เพิ่มค่ามีราคากับตนเอง  ได้แต่รู้อุปาทานจึงอวดภูมิรู้  โชว์การลอกแบบ  เลวล้ำลึก  ธรรมที่ไม่มีจึงเป็นภาษาธรรมที่มี  ผสมกันมั่วขึ้นใหม่  ทั้งบาลีผสมไทย  แต่เห็นเองยังไม่ได้  เพราะอุปาทานเอาเองว่าบรรลุธรรม  จึงคาดเดานึกคิดว่าธรรมมีอยู่จริงๆ  โลกของผู้รู้ที่อุปาทานแบบนี้มีเยอะ  วางอุปาทานไม่ลง  เพราะยังเห็นเองไม่ได้  แล้วจะเห็นธรรมสองด้านได้อย่างไร  เห็นได้ก็เพียงด้านที่อุปาทานขึ้นเองเท่านั้น  หลงใหลติดอยู่  ผูกรัดตนเองกับภาษาธรรมที่ปรุงแต่ง  บรรลุแล้วจริงรึ  หรือแค่เอาภาษาธรรมมาหาแดก  เอาพระพุทธเจ้ามาทำมาหากิน


...โชคดี...%

อุปาทานที่รู้  ที่ลวงความจริงตนเอง   สิ่งที่พยายามเตือนพวกเธอทุกคน  ว่าอย่าเชื่อในสิ่งที่ได้ยินและสิ่งที่เห็น  ที่ผู้บรรยายพึ่งพาภาษามาปรุงแต่ง  เพื่อชี้ให้ดูกับธรรมชาติของชีวิต  ชีวิตใครชีวิตมัน  บางคนไม่สามารถจะผ่านธรรมชาติตนเองออกมาได้กับความเชื่อที่ปรุงแต่งขึ้นเอง  โดนความฟุ้งซ่านตนเองจัดการอยู่หมัด  เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน  คิดปรุงแต่งต่อในสิ่งที่เชื่อ  พวกเธอยังเห็นไม่ทั่วกับธรรมชาติของเธอเอง  ว่าเธอนั้นแหละที่หลงตัวอวดตน  "ลืมตนเองว่าคือใคร"  เธอหลงอยู่ในโลกธรรมเสียแล้ว  ธรรมไม่ใช่ภาษา  เมื่อภาษาหายไปปรุงแต่งจึงไม่มี  สมมุติของเธอที่มีเธอขึ้นมาแล้ว  ติดในสมมุติของตนเองจนแกะไม่ออก  เห็นเองก็ไม่ได้  แล้วเธอจะมากล่าวโทษเราทำไม  "ว่าเราสอน"  เราก็บอกไว้แล้วว่า  "เราไม่ได้สอน"  เราแค่ชี้ให้ดู  คำว่าธรรมที่เป็นธรรมชาติเดิมแท้ของใครของมัน  แต่เธอไม่ฟัง  ดันเกิดมีรู้อะไรขึ้นมา  โดยเฉพาะรู้ภาษา  จึงเกิดมีภาษาคน  ภาษาโลก  ภาษาธรรม  และก็เชื่อเอาเองอีกว่าภาษาไม่มีอยู่จริง  เกิดความคิดย้อนแย้งกับตนเองขึ้นใหม่  แล้วอวดภูมิรู้ของตน  คำว่า  อวด  ก็ยังเห็นเองไม่ได้ว่า  คืออะไร  ยังยึดกับภาษาว่าอวด  แล้วอะไรที่จะหมดลง


...โชคดี...%

ธรรมเป็นเหตุ  ความรู้สึกติดอยู่กับธรรม   ธรรมชาติของชีวิตที่เคยงดงาม  เคยดำรงอยู่แบบวิถีดั้งเดิม  ได้เปลี่ยนไปแล้ว   โลกของยุคศิวิไลซ์  ยุคโลกาภิวัฒน์ได้เปลี่ยนธรรมชาติเป็นวิถีใหม่  ความรู้สึกของคนจึงเปลี่ยนไป  ธรรมชาติชีวิตที่เสื่อมโทรมลงในความรู้สึกของคน  ถูกแทนที่ด้วยธรรมชาติยุคใหม่  ที่เต็มไปด้วยวัตถุเครื่องล่อใจ  ต้นเหตุของความรู้สึกคนในยุคนี้  ที่อยากจะได้อะไรง่ายๆ  อยากจะมี  อยากจะเป็น  อยากสะดวกรวดเร็ว  เข้าถึงความอยากได้แบบฉับพลัน  ธรรมชาติแบบชีวิตดั้งเดิมจึงหายไป  หมุนวนเป็นธรรมชาติตัวใหม่  เกิดความรู้สึกขึ้นใหม่  ธรรมเป็นเหตุ  ความศิวิไลซ์ในวิถีใหม่ของชีวิตกับคนในยุคนี้  จึงติดอยู่กับโลกและธรรม  ถูกหล่อหลอมครอบงำความรู้สึก  จนหลงยึด  หลงติด  ผูกรัดตนเองกับภาษาธรรมในวิถีใหม่  ที่เปลี่ยนแปลงธรรมชาติตนเองจากยุคดั้งเดิมที่เคยงดงาม  ติดอยู่กับภาษาธรรม  โลกและธรรมที่มีผู้ปรุงแต่งไว้ให้จนยึดมั่น  หลงใหล  ธรรมจึงเป็นเหตุ  มีเรื่องราวขึ้นเองกับคนยุคนี้  ความเชื่อจึงติดอยู่กับโลกและธรรมตามภาษา  ที่ตนปรุงแต่งต่อเอาเอง


...โชคดี...%

เราติดกับการเกิดและตายมานานมาแล้ว   ชีวิตที่เปรียบเสมือนวงเวียนที่หมุนวนเดินหน้าเป็นวงกลม  ที่ไม่รู้จบ  หมุนวนเดินหน้าจนหาที่สิ้นสุดของชีวิตไม่เจอ  วงเวียนของชีวิตทุกชีวิตที่ถูกกำหนดให้หมุนวนขึ้นเองอยู่ตลอดเวลา  ทุกชีวิตที่ติดอยู่กับกระแสโลก  โลกที่สมมุติเองขึ้นใหม่ตลอดเวลา  พบการเกิด  แก่  เจ็บ  ตาย  เป็นที่ตั้ง  เป็นวัฏสงสารของรูปทรงร่างกายที่อาศัย  หาที่สิ้นสุดของการเกิดและตายไม่ได้  เพราะไม่รู้  ไม่รู้ว่าเกิดมาทำไม  ตายแล้วไปไหน  ชีวิตจะจบลงด้วยอะไร  ไม่มีใครได้ล่วงรู้เองว่า  เส้นทางสุดท้ายของตนเองนั้น  ได้เริ่มต้นถูกต้องตรงทางของตนเองได้แท้จริงหรือยัง  ความจริงนั้นจะเริ่มขึ้นจากอะไร  ใครค้นหาเส้นทางตนเองพบได้  ก็ถือว่าเป็นผู้โชคดี  โชคดีที่ได้เข้าใจความผันแปรของวงเวียนชีวิตที่หมุนวนแท้จริง  โชคดีที่เห็นเองว่า  สิ่งที่มีที่หมุนวนของชีวิตนั้น  ได้จบลงเองแล้ว  เมื่อเห็นทางตนเองได้  เขาเหล่านั้นก็พบโอกาส  มีความหวังได้พบอิสระด้วยตนเอง  หลุดพ้นจากกับดักตนเองที่ติดอยู่กับสิ่งที่หมุนวน  พ้นการเวียนว่ายตายเกิดได้เอง


...โชคดี...%

อยู่กับโลก  อยู่กับธรรมตนเอง   ความจริงของโลก  ความจริงของธรรม  มันไม่เคยมีเธออยู่เลย  สิ่งที่เป็นเธอแท้จริงแล้วนั้น  ไม่มี  ไม่รู้อะไร  เป็นพื้นฐานตนเองอยู่แล้ว  การอยู่กับโลก  และธรรมตนเองแบบไม่มี  ไม่รู้  จึงแตกต่างกันกับความรู้ของโลก  และธรรมแบบที่มี  ที่รู้  ที่ท่องจำเองไว้  รู้ที่คิดได้  จึงคิดได้อยู่เสมอ  ไม่มีหมดลง  เมื่อไม่หมดลง  ความรู้จึงหมุนวนให้คิดได้อยู่กับโลก  และธรรมที่ตนเองปรุงแต่งขึ้นเองตลอดเวลา


...โชคดี...%

หลงธรรม  หลงผิดทาง  อย่ากล่าวตู่ลวงว่าใครมีปัญญามีความรู้  รู้ที่อุปาทานขึ้นเองนั้นทำให้คนเขาหลงทาง  หลงธรรม  หลงใหล  เข้าใจผิด  ความเชื่อนั้น  เมื่อท่านจะเชื่ออะไรก็ควรจะพิสูจน์ให้เกิดความรู้แจ้งด้วยตนเอง  ตามหลักการแล้ว  พวกท่านควรจะเชื่ออะไร  ท่านเชื่อมั่นกับศาสดาท่านจริงๆหรือยัง  ถ้ามั่นใจในศาสดาแท้จริง  ก็ต้องฟังสิ่งที่เขาได้เตือนเอาไว้ว่าอย่าเชื่อกับอะไรโดยง่าย  จงพิสูจน์ด้วยตนเอง  ตนเป็นที่พึ่งของตน  ทำความเข้าใจกับภาษาที่ว่า  "ธรรมจะเป็นตัวแทนศาสดาสืบไป"  พวกเธอค้นหาได้เจอด้วยตนเองแล้วหรือยัง  ความรู้สึกที่ยังคงค้างคาติดอยู่กับโลกจนหลงธรรม  หลงผิดทาง  อวดว่ามีปัญญามีความรู้  แต่ใช้ปัญญาความรู้เอาเปรียบกันและกัน  แย่งชิง  ทำร้าย  ทำลายกัน  เพื่อผลประโยชน์ตนเอง  แล้วโลกจะเหลืออะไรให้ลูกหลานได้อยู่  ได้อาศัย  ได้พึ่งพา  ได้พบความสงบร่มเย็น  หากว่าผู้มีปัญญาผู้มีความรู้ทั้งหลายยังเอาเปรียบกัน  หลอกลวงกัน  ธรรมชาตินั้นจะสูญพันธุ์  ศาสดาจะหายไป  คงเหลือไว้เพียงความเสื่อมโทรมในความรู้สึกของคนตลอดไป


...โชคดี...%

วางได้หมดก็จบ   การเล่านิทานปรุงแต่งตามภาษาคนที่เธออ่านเข้าใจได้ในตอนนี้  อย่าเชื่อในสิ่งที่เห็น  ที่เข้าใจ  อย่าเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน  ในคลิปภาพต่อจากนี้  โลกทั้งใบที่เธอรู้  และธรรมทั้งหลายที่เธอรู้  จนเธอเข้าใจได้  ทั้งสองสิ่งนั้น  ยังเป็นสิ่งที่ไม่ใช่เธอ  สิ่งที่เป็นเธอแท้จริงแล้ว  เธอไม่รู้หรอกว่ารู้อะไร  เธอคาดเดาว่าอะไรว่ารู้ล่วงหน้าไม่ได้  ฉะนั้นจงอย่าอวดในรู้แบบเดิมๆ  ที่เชื่อตามโลก  เชื่อตามธรรม  รู้แบบเดิมของเธอที่เชื่อเอาไว้นั้น  เธอท่องจำเอาไว้ทั้งนั้น  หากยังหลงทางหลงธรรมอยู่อีก  เธอก็ไม่สามารถจะเข้าถึงธรรมตนเองได้เลย


...โชคดี...%

ปล่อยรู้ให้ดำเนินไป   สิ่งที่เธอได้เชื่อเอาไว้แล้วว่า  "จงอยู่กับรู้"   รู้เท่านั้นที่จะทำให้เราได้ถึงที่สุด  เธอเคยเอะใจกับตนเองไหมว่า  "รู้"  ที่เธอเคยเชื่อเขาอยู่นั้น  รู้นั้น  มันหนักกับความรู้สึกของตนเองเหลือเกิน  แต่เธอก็ไม่รู้  ไม่รู้ว่าจะดำเนินเรื่องราวตนเองต่อไปอย่างไร  ที่จะปลดปล่อยรู้ที่มี  รู้ที่ปรุงแต่งอยู่ในใจของตน  เรื่องราวที่นำมาชี้  และสะกิดในหัวข้อ  "ปล่อยรู้ให้ดำเนินไป"  เธอคงหาฟังไม่ได้อีกแล้ว  เพราะโลกนี้มีแต่ผู้รู้  ที่รู้กันมาก  รู้ที่จำ  อวด  โชว์กันเอง  มีให้เห็นอยู่มากมาย  แต่ช่วยเธอให้หมดรู้ลงเองไม่ได้  ยุคของผู้รู้ที่ปรุงแต่งกับรู้ในรูปแบบจำ  อวด  โชว์  ที่ลวงล่อ  หลอกเธอ  ให้หลงใหล  ยึดมั่น  ยึดติด  เชื่อตาม  จนสรุปได้ว่า  เธอมองไม่เห็นในสิ่งที่เป็นเธอ  ที่สมบูรณ์อยู่แล้วได้เลย  ลองมาฟังเรื่องราวที่พึ่งพาภาษาคนมาปรุงแต่งตรงนี้  ที่ชี้  และสะกิดให้ดูในความรู้สึกของใครของมัน  แบบตรงไปตรงมา  จงใช้ความรู้สึกที่เป็นเธอ  เดินตามมาดูเรื่องราวตนเอง  ที่สมบูรณ์อยู่แล้วในธรรมชาติของเธอ


...โชคดี...%

รู้อะไรไม่ใช่เธอ   ปล่อยรู้ให้ดำเนินไป  รู้อะไรไม่ใช่เธอ  สิ่งที่เธอรู้มาตลอด  และรู้อยู่ตอนนี้คือสิ่งที่เธอได้จดจำมาจากอดีต  และอดีตที่เป็นเธอแท้จริงก็คือจุดเริ่มต้นของตนเองตอนแรกเกิดขึ้นมาใหม่  มีชีวิต  และความรู้สึกได้มาอาศัยรูปทรงที่มีตามสภาพตรงนั้น  เธอก็ไม่รู้  ไม่มีเรื่องราวใดที่เป็นทุนเดิมของตนเองอยู่แล้ว  ธรรมชาติที่มีที่รู้อยู่นั้นไม่เคยมีเธอ  รู้อะไรไม่ใช่เธอ  จำไว้ให้ดี  จุดจบก็จะหมุนวนกลับมาที่จุดเริ่มต้นตนเอง  ที่เธอจะต้องเห็นได้ทันกับรู้  และเข้าใจรู้ที่มีอยู่ตามสภาพโลก  สิ่งรู้ที่มีอยู่แบบโลกนั้น  ไม่ได้มีเธอที่รู้อะไรตามโลกเลย  ได้อาศัยพึ่งพารู้ที่มีตามโลกความจริงเท่านั้น  ความสมบูรณ์ของชีวิตจึงมีอิสระ  เพราะแท้จริงแล้ว  เธอได้เห็นเอง  ได้เข้าใจเอง  ประจักษ์แจ้งขึ้นเองกับรู้แบบโลกตนเอง  โลกเป็นเพียงสิ่งเรียนรู้ที่มีอยู่มาก่อนเท่านั้น  ที่มีผู้ปรุงแต่งไว้ให้ก่อนแล้ว  รู้ของโลกจึงไม่ใช่รู้ของเธอ  รู้ของโลกคือสิ่งปรุงแต่งของสมมุติให้มีขึ้นเพื่อพึ่งพาอาศัยกันให้รู้ให้เข้าใจร่วมกันเท่านั้น  สิ่งที่มีที่รู้ของโลกนั้น  จึงไม่ใช่สิ่งที่มีที่รู้ของเธอ


...โชคดี...%