เสียงธรรม9
หมดสงสัยกับรู้ โชคดีมากถ้าใครได้ฟัง การชี้และสะกิดให้เข้าสู่แก่นธรรมตนเองในความรู้สึกเดิมแท้ของชีวิต ซึ่งพวกเธอหาฟังไม่ได้ในชาตินี้ รู้เป็นสิ่งมี จึงสงสัย ไม่รู้จึงหมดสงสัยกับรู้ที่มี จงใช้วิจารณญาณไตร่ตรองในการฟังให้แยบคาย เธอจะได้เข้าใจเองว่า ธรรมแท้ตนเองคืออะไร
...โชคดี...%
ชีวิตที่เกิดของทุกชีวิต ไม่รู้ว่าตนเองคือใคร มีอะไรเป็นเครื่องอยู่ ไม่รู้และรู้จึงเกิดขึ้นมาพร้อมกัน สิ่งที่อาศัยธรรมจึงเป็นจุดเริ่มและจบในจุดเดียวกันที่เป็นธรรมชาติของชีวิตและความรู้สึกของใครของมัน
...โชคดี...%
เจริญในธรรมท่านทั้งหลาย จงใช้ความรู้สึกปักหมุดแล้วเดินมาดูเรื่องราวภายในตนเองตรงนี้ แก่นธรรมที่ดีของเธอสมบูรณ์แล้ว จงวางความอยากในความรู้สึกตนเองลงก่อน ผ่านภาษาที่ปรุงแต่งตรงนี้ออกไปให้ได้ แล้วเดินมาดู แก่นธรรมที่สมบูรณ์ของตนจงใช้ความรู้สึกสู่ความรู้สึกภายในตนเอง แบบไม่รู้ ไม่มี หมดภาษา เธอจะได้เห็นเองว่า แก่นธรรมมีอยู่ แต่ไม่มีเรื่องราวตามภาษาที่ปรุงแต่งได้
...โชคดี...%
ความคิดเกิดมาทีหลังแต่มองไม่เห็นกันได้ง่ายๆ ความเชื่อต่างหากที่เชื่อเขามาจนจำได้ มีมาก่อน ก็มองไม่เห็นอีก ความคิดจึงเป็นผลที่ปรุงแต่งขึ้นเอง จากสิ่งที่เชื่อนั่นแหละ
ลองมาฟัง ความคิดไม่ใช่ต้นเหตุ เป็นผลจากความเชื่อ ใครที่เชื่ออะไรไว้บ้าง ใครที่หลงติดอยู่กับความคิด ใครเป็นเจ้าของเรื่องราวความคิดที่เป็นผลจากความเชื่อตรงนี้อยู่
...โชคดี...%
ธรรมไม่ใช่ธรรม แล้วธรรมคืออะไร หากภาษาหายไป ธรรมก็ไม่มีอะไรที่จะอธิบาย เมื่ออธิบายไม่ได้จึงไม่มี ไม่รู้ หมดเรื่องราาวลงเอง กับคำว่า ธรรมไม่ใช่ธรรม จบภาระหมดหน้าที่ตนเองตรงนี้
...โชคดี...%
ภาษาใช้แทนความรู้สึกไม่ได้ เพราะภาษาเป็นสิ่งมี ที่มีอยู่มาก่อน ก่อนที่จะมีเธอมาเกิด เป็นความเชื่อ ความเชื่อจึงมีตามมาอีก ความรู้สึกจุดเริ่มต้นของธรรมไม่มีภาษา เพียงพึ่งพาอาศัยภาษาเท่านั้น ภาษาจึงเป็นสิ่งมี สิ่งรู้ ที่เธอปรุงแต่งได้ ความรู้สึกนั้นเป็นสิ่งไม่รู้จึงปรุงแต่งไม่ได้ ลองทำความเข้าใจกับเนื้อหาในธรรมที่ชี้และสะกิดให้ดู "ภาษาใช้แทนความรู้สึกไม่ได้"
...โชคดี...%
รู้ธรรมแต่ไม่มีธรรมให้รู้ มีแต่ผู้รู้ที่สอนให้รู้ธรรม ให้เข้าใจธรรม ธรรมที่สอนไว้คือธรรมที่รู้ ธรรมที่ไม่รู้เขาเองยังมองเห็นไม่ได้ รู้ธรรมจึงมีผู้สอนกันมาก ที่อวดรู้ โชว์รู้ แต่ธรรมที่รู้กลับจำเขามา ลอกเขาอยู่ ความเชื่อที่ผู้สอนเอง ยังสอนให้เชื่ออยู่ เขานั้นก็ยังหยั่งไม่เห็น ธรรมจึงมีภาษาธรรม ที่ผู้รู้เขาอวดไว้ โชว์รู้ว่ารู้ธรรม
แต่ธรรมที่ไม่รู้ ไม่มีธรรมให้รู้ก็ดีอยู่แล้ว แต่พวกเธอคงรับกันไม่ได้ที่ไม่รู้ อยากจะรู้ธรรม จึงติดอยู่กับธรรมที่ผู้สมมุติอวดรู้ โชว์รู้กันเอง
...โชคดี...%
สมมุติแก่นธรรม คือสิ่งที่ไม่มีรู้ ว่าคืออะไร จึงต้องมี สมมุติแก่นธรรม ให้มีตามภาษา ให้ทุกคนได้ยึดเกาะกันไว้ก่อน เธอฟังเนื้อหาที่ชี้และสะกิดในคลิปเสียง ก็จงอย่าเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน อย่าเชื่อกับสิ่งที่เห็น อย่าเก็บสะสมอะไรออกมา ใช้ความรู้สึกของเธอเท่านั้น ตามมาดูเนื้อหาที่ชี้ให้ดู อย่าหลงใหลกับภาษาว่ามีขึ้นมาจริงๆ เดี๋ยวจะกลายเป็นว่ามี แก่นธรรม ของเธอตามภาษาขึ้นอีก
...โชคดี...%
รู้สมมุติ ติดสมมุติที่รู้ เพราะไม่รู้คือต้นเหตุที่ตนเองมองเห็นไม่ได้ อยากจะรู้จนเกิดสงสัย อยากจะทำให้ตนรู้แจ้ง ความสงสัยที่อยากจะรู้แจ้งจึงเกิดความอยาก อยากแสวงหาต่อ เชื่อว่าต้องมีผู้รู้ที่จะมาสอนตนเองได้ให้หมดความสงสัย แต่ไม่รู้ เพราะไม่รู้ว่าสิ่งที่แสวงหาที่เชื่อไว้นั้น เป็นผลที่ตนเองเชื่อและจำเขามา จึงติดอยู่กับรู้ตรงนั้น รู้ที่ต้องทนทุกข์ทรมาน ที่ตนเองปรุงแต่งรู้ที่เชื่อขึ้นเอง ไม่รู้ก็ดีอยู่แล้ว
...โชคดี...%
รู้สมมุติอย่าเชื่อกับสมมุติที่รู้ เจริญในธรรม ลองมาพิจารณาเรื่องตรงนี้กันดู ความเชื่อกับสมมุติที่มีนั้น สิ่งนี้มีอยู่มาก่อน ก่อนที่จะมีเธอมาเกิดอาศัย เธอมีรู้ที่สมบูรณ์ได้ขนาดนี้เพราะมีภาษา เธอจึงเชื่อ แต่จุดเริ่มต้นของชีวิตเธอ เธอไม่รู้ เธอไม่มี ไม่สามารถจะอธิบายสมมุติได้ สิ่งนี้ต่างหากที่ผู้บรรยายให้เธอปักหมุดเอาไว้แบบของใครของมัน เธอต้องค้นหาจุดเริ่มตนเอง ตรงนี้ให้เจอกันก่อน ที่มีรู้ แต่ไม่รู้ว่าสิ่งที่รู้คืออะไร แล้วเธอจะเข้าใจได้เองกับคำว่า รู้สมมุติอย่าเชื่อสมมุติที่รู้ เพราะมันไม่ใช่เรื่องอะไรของเธอ
...โชคดี...%
ไม่มีใครรู้ได้จริงว่า ธรรมคืออะไร สิ่งๆนี้เป็นสิ่งที่ไม่มีใครเป็นเจ้าของได้ ไม่มีภาษา มีอยู่ตลอดไป ใครที่ว่ารู้ก็เข้าไปไม่ถึง จึงจะสร้างจะทำสิ่งๆนี้ให้มีขึ้นมาไม่ได้ เพียงนึกคิดคาดเดาว่ามีอยู่ จึงอยากเชื่อกับสิ่งที่คาดเดาว่ามีอยู่ตรงนี้ ไม่มีใครรู้ได้จริงว่าธรรมคืออะไร หากว่ามีใครบอกว่ารู้ธรรม ผู้รู้คนนั้นก็ยังเข้าไปไม่ถึงธรรมที่ไม่มี
...โชคดี...%
สมมุติตนเองเป็นผู้รู้ ใช้รู้ที่มีที่เชื่อที่เก็บสะสมเอามา มาดูกันใหม่ สิ่งรู้สิ่งมีที่สมบูรณ์ที่สมมุติตนเองเป็นผู้รู้นี้ เธอไม่ได้เป็นเจ้าของใดๆได้จริง ได้เพียงแค่อาศัยพึ่งพาสมมุติที่มีที่รู้ เพื่อการดำเนินชีวิตเท่านั้น หมดภาระหน้าที่ก็ไม่มีเธออยู่ จงอย่าลืมว่าเธอต้องตาย ภาระหน้าที่ที่มีที่รู้ตรงนั้น ยังดำเนินต่อไป หมุนวนต่อกับคนรุ่นต่อไปที่ สมมุติตนเองเป็นผู้รู้ แบบเธอ
...โชคดี...%
แนวทางเข้าถึงธรรมตนเอง เพราะรู้ของเธอที่เชื่อเขาเอาไว้มาก จึงขวางทางตนเองอยู่ เชื่อจากปากเขา เชื่อในอุบายของเขา ว่าการแสวงหาธรรมให้เกิดรู้ในธรรมได้ ต้องปฏิบัติให้อยู่ในข้อกำหนดคือมีศีลมีธรรม ตามหลักธรรมคำสอน ที่ต้องเชื่อเอาไว้ให้เหมือนกัน ผู้สอนที่มาสอนเธอนั้น เขาก็ยังจำมาและเชื่อเอาไว้เองก่อนแล้ว ความเชื่อของผู้สอนจึงขวางเธอเอาไว้เอง จึงเข้าถึงธรรมที่เป็นเธออยู่แล้วไม่ได้
...โชคดี...%
รู้จึงมีภาระ ไม่รู้ก็ดีอยู่แล้ว เธออาจจะมองไม่เห็นว่ารู้ของเธอที่รู้ขึ้นมานั้น เธอรู้ขึ้นมาจากอะไร ถึงได้เกิดความพอใจกับรู้ตรงนั้น ความพอใจที่รู้ของเธอกลับคิดต่อได้เองอีก เมื่อคิดต่อได้เอง ก็มีเรื่องราวตามมาในรู้ เกิดภาระรู้ขึ้นแล้วผู้รัดเธออยู่กับรู้เอาไว้เลย แล้วภาระรู้ของเธอจะหมดลงได้อย่างไร เมื่อเธอยังพอใจยอมรับกับการเป็นผู้รู้ที่เชื่อเขาอยู่ ความเชื่อว่ารู้ แต่ไม่รู้นั้นกลับหลุดพ้นจากภาระรู้ได้เอง ที่ไม่ต้องมีอะไรให้รู้ แต่คนเขากลับไม่ชอบ ก็เป็นเรื่องที่แปลกดี ที่คนเขาชอบรู้ จึงอวดรู้กันเอง ชีวิตจึงวนอยู่กับรู้ตามโลกได้แค่นี้เอง ไม่หลุดพ้นจากรู้เสียที ก็เพราะไม่รู้ก็ดีอยู่แล้ว ไม่มีรู้ก็หมดลงเอง
...โชคดี...%
ไม่รู้ก็ไม่ทุกข์ อยากมีทุกข์กับรู้ไปทำไม ชีวิตตั้งแต่เกิดมีแต่รู้ เหมือนชีวิตคิดบวกตลอดเวลา รู้กับสิ่งที่เห็น รู้กับสิ่งที่ได้ยิน รู้มามากมายแล้ว ยิ่งรู้อะไรก็ยิ่งเก็บสะสม ขาดรู้เหมือนขาดปัญญา หากไม่รู้เหมือนชีวิตติดลบคือ ลบเรื่องราวที่รู้ลง ก็หมดทุกข์ได้ พบชีวิตอิสระแบบติดลบที่ไม่มีรู้ก็ดีแล้ว ใครจะกล้าเข้ามาพิสูจน์ความจริงแบบนี้
...โชคดี...%
ธรรมที่ไม่มีคือจุดสุดท้ายตนเอง ฟังแล้วก็ควรเกาะเก้าอี้เอาไว้แน่นๆ การปรุงแต่งที่กระแทกแดกดัน ใครรู้ก็ซวยไป ใครไม่รู้ก็มีโอกาสรอด อย่าเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน จงใช้วิจารณญาณในการฟัง จงย้อนทวนย้อนคิดกลับไปสู่จุดเริ่มตนเองให้เจอ เจอได้ก็เบาสบาย สบ๊าย สบาย พบอิสระได้เอง
...โชคดี...%
ดับทุกข์ไม่พ้นทุกข์ เธอแน่ใจนะว่าดับทุกข์ได้ เธอฟังผู้รู้มาก็มาก ได้ยินผู้รู้มาก็เยอะ เรื่องดับทุกข์ เห็นพวกเธอก็ยังมีทุกข์อยู่ แล้วดับทุกข์คืออะไร ทำไมยิ่งดับก็ยิ่งทุกข์ ก็เพราะรู้ของเธอที่เชื่อตามปากผู้รู้ไงล่ะครับ ทุกข์มันจึงมีอยู่ ไม่รู้ก็หมดลง แต่ไม่เชื่อใจตนเอง ลองตามมาดูสิ่งที่จะชี้ให้ดูว่าทุกข์นั้นไม่เคยมีอยู่ เมื่อไม่มีทุกข์อยู่ ทุกข์ที่รู้ก็หายไป หมดเรื่องราวที่ต้องเชื่อตามปากใคร พบอิสระตนเอง
...โชคดี...%
เชื่อไหมว่าเธอคือพุทธะ ใครเชื่ออะไรง่ายๆก็โดนหลอกได้ง่าย เธอโดนหลอกมาบ้างหรือยัง ลองมาฟังเรื่องราวที่จะชี้และสะกิดให้ดู พุทธะที่เป็นเธออยู่แล้ว เรื่องจริงหรือเรื่องหลอก ก่อนจะตามมาดู เธอจงวางความเชื่อทั้งหลายลงไว้ก่อน อย่าเชื่อกับการปรุงแต่งตรงนี้ อย่าเชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน จงเชื่อในความรู้สึกตนเองที่เป็นเธอ ใช้สิ่งที่เป็นเธอตรงนี้เดินตามมาดูความจริงของเธอ พุทธะไม่ใช่ภาษาที่ใช้ท่องจำเอาไว้ อย่าเชื่ออะไรง่ายๆ สิ่งๆนี้ไม่มี ไม่รู้ที่ใครจะรู้ได้ เพราะไม่ใช่ภาษาคน หรือภาษาธรรม มีเธอเท่านั้นที่จะรู้ได้ด้วยตนเองเมื่อได้เดินไปถึง พบอิสระหลุดพ้นในสิ่งที่เชื่อด้วยตนเอง
...โชคดี...%
รู้ที่ท่องจำเอาไว้ช่วยใครได้ การสมมุติที่นำภาษามาปรุงแต่ง จงอย่าเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน สิ่งที่ได้รับฟังเรื่องสมมุติตรงนี้ ผู้รู้ทั้งหลายที่ได้รับฟัง ก็ช่วยเกาะเก้าอี้เอาไว้ให้แน่นๆ การที่พวกมึง เอาธรรมที่มึงปรุงแต่งเองไปหาแดก หลอกเขา ลวงเขา กล่าวตู่ กล่าวอ้าง ว่าเป็นธรรมของพ่อมึง ระวังธรรมที่จำอวดโชว์ เอาไว้ มันจะตามสนองพวกมึง ที่ทำให้คนเขาหลงใหล เชื่อตามปากที่อวดไว้ เรียกรับเงินเขา แล้วก็ช่วยเขาไม่ได้ รู้สึกละอายใจบ้างหรือยัง ที่อวดว่าตนเองเป็นผู้รู้ ลองมาฟังผู้ไม่รู้ ไม่มี และไม่ได้เป็นที่พึ่งให้ใคร จึงไม่พูดเอาใจใครให้หลงทาง เพียงแค่ชี้และสะกิดให้ดู ธรรมที่เป็นเธอที่ไม่ใช่ภาษา เจ้าหมาขี้เรื้อน และกบในกะลา เธอมาดูว่าอิสระในธรรมเธอคืออะไร
...โชคดี...%
รู้แล้วหลงใหล พวกเธออาจจะนึกไปไม่ถึงจุดกำเนิดธรรมเธอได้เอง ตอนนี้รู้ของเธอที่เป็นเจ้าของกับรู้เอาไว้ จึงอวดว่าเป็นผู้รู้ รู้ใช่ไหมว่าตนเองเป็นตัวผู้หรือตัวเมีย เมื่อรู้ได้แล้วว่าเธอเป็นตัวอะไร รู้ที่รู้ของเธอจึงไปไม่รอด หลงใหลในรู้เข้าแล้ว มองเห็นตรงนี้ได้เองหรือยัง ที่เชื่อเอาไว้เอง ว่าตนเองคือตัวผู้ หรือตนเองคือตัวเมีย รู้ที่เธอได้อวดเอาเองแค่รู้ตรงนี้ ก็เลยจุดกำเนิดธรรมเธอมาแล้ว แล้วเธอจะพบอิสระตนเองได้อย่างไร ตามมาดูเรื่องราวตนเองที่ชี้ให้ดูไปเรื่อยๆดีกว่า ดูแล้วก็อย่าเชื่อ จงพิสูจน์ด้วยตนเอง เดี๋ยวได้เจอตนเองพบอิสระแท้จริงแล้วอย่า งง
...โชคดี...%
หลงรู้จึงอวดตน ความเชื่อที่คิดเอาเอง ว่าตนเป็นผู้รู้ แต่มองไม่เห็นธรรมของตนเอง หลงใหลธรรมที่ท่องจำเอาไว้ ยึดมั่นติดใจกับเครื่องแบบ จนเชื่อเอาเองว่าตนเป็นใหญ่ ตัวข้าใครอย่าแตะ ชีวิตจึงเหมือนกับต้นไม้ที่แก่จัด ยากที่ใครจะช่วยตัดให้ได้ ชีวิตและความรู้สึกเขาจึงจมปลักต่อไป ติดอยู่ในโคลนตมใต้น้ำไปอีกนาน ยากที่จะหลุดพ้นออกมาจากใต้น้ำได้เอง พวกเธออยากจะหลงรู้เหมือนเขากันอีกต่อไปทำไม ถ้าพวกเธอเห็นธรรมตนเองได้กันจริงๆแล้ว ว่าไม่รู้จึงไม่มี เมื่อไม่มีตัวตนก็หายไปหมดเรื่องราวได้เอง ไม่อวดรู้ก็ดีแล้ว จะได้ไม่หลงใหลกับรู้อีก ชีวิตและความรู้สึกของเธอที่เหลือน้อยก็จะได้พบอิสระของตนเองในชาตินี้ กลับบ้านพร้อมกันทุกคน
...โชคดี...%